ระเบียบวิจัย
1.
การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ (Historical
research) เป็นการวิจัยที่เน้นถึงการศึกษา
ค้นคว้า รวบรวมข้อมูลหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ในอดีต ซึ่งประโยชน์ของการวิจัย ลักษณะนี้ก็คือ สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการศึกษาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน หรือสามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมไปถึงนำมาปรับใช้ในการ
ค้นคว้า รวบรวมข้อมูลหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่ในอดีต ซึ่งประโยชน์ของการวิจัย ลักษณะนี้ก็คือ สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการศึกษาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน หรือสามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมไปถึงนำมาปรับใช้ในการ
ดำเนินชีวิตประจำวัน
เนื่องจากในอดีตมีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ซึ่งสามารถเลือกนำมาปรับ
ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้
2.
การวิจัยเชิงบรรยาย หรือการวิจัยเชิงพรรณนา
(Descriptive
research) เป็นการวิจัยที่เน้นถึงการศึกษารวบรวมข้อมูลต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในการดำเนินการวิจัย นักวิจัยไม่สามารถที่จะไปจัดสร้างสถานการณ์หรือควบคุมตัวแปรต่าง
ๆ ได้ตามใจชอบ การวิจัยแบบนี้เป็นการค้นคว้าหาข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างทรัพยากกรธรรมชาติ เป็นต้น มีการวิจัยหลายชนิดที่จัดไว้ว่าเป็นการวิจัยเชิงบรรยายได้แก่
2.1 การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research)
2.2 การวิจัยเชิงสังเกต (Observational
research)
2.3 การวิจัยเชิงวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบสาเหตุ (Causal Comparative)
2.4 การศึกษาเฉพาะกรณี (Case study)
3. การวิจัยเชิงทดลอง
(Experimental
research) เป็นการวิจัยเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลของ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยมีการจัดกระทำกับตัวแปรอิสระเพื่อศึกษาผลที่มีต่อตัวแปรตาม
และมีการควบคุมตัวแปรอื่นมิให้มีผลกระทบต่อตัวแปรตาม
ซึ่งนิยมมากทางด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับทางด้านการศึกษา ค่อนข้างลำบาก
ในแง่ของการควบคุมตัวแปรเกินลักษณะที่สำคัญของการวิจัยเชิงทดลองคือ
3.1 ควบคุมตัวแปรเกินได้
(Control)
3.2 จัดการเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรอิสระได้
(Manipulation)
3.3 สังเกตได้
(Observation)
3.4 ทำซ้ำได้
(Replication)
อาจารย์ประภัสสร ทองยินดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น